ภาวะ Social Jet Lag ง่วงนอนตลอดวันและวิธีการรับมือ
Social Jet Lag คืออาการที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมากที่มีกิจวัตรประจำวันไม่ตรงกับนาฬิกาชีวิตตามธรรมชาติ จนทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียเบื่อหน่ายตลอดวัน หรือง่วงนอนตลอดเวลา ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การนอนดึกในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือการนอนในวันหยุด การพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Ludwig-Maximilian ในนครมิวนิค เยอรมนี บอกว่ามีผู้คนจำนวนมากที่มีอาการอ่อนเพลีย รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาคล้ายกับ Jet lag ในเวลาที่ต้องทำงาน เรียกว่า Social Jet lag หรืออาการเมาเวลาที่เกิดจากวิถีชีวิตและสภาพสังคม ซึ่งเกิดจากตารางเวลาทำงานที่ไม่สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิตหรือ Biological Clock ในร่างกายคนเรา
Social Jet Lag อาจเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับผู้ที่ประสบกับอาการนี้ เนื่องจากอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ รวมถึงภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และโรคอ้วน วันนี้เรามาดูวิธีรับมือกับ Social Jet Lag กันดีกว่า
งานวิจัยของ Monash University ที่ศึกษากลุ่มนักศึกษาปริญญาตรี และพบว่า คนที่มีเวลานอนผิดปกติจะมีคุณภาพการนอนแย่กว่ากลุ่มที่นอนในเวลาคงที่ แม้พวกเขาจะมีเวลาพักผ่อนเท่ากันก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้ยังชี้ให้เห็นอีกว่า ความสม่ำเสมอในการนอน ซึ่งก็คือ เข้านอน และตื่นนอนเป็นเวลาเดียวกันทุกๆ วัน (+/- 20 นาที) เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากกว่าเวลาพักผ่อนที่เพียงพออย่างการนอนวันละ 7-8 ชั่วโมง
ผลกระทบจาก Social jet lag
ผลกระทบแรกที่เกิดขึ้นเมื่อเป็น Social jet lag คือ ร่างกายเหนื่อยล้า ง่วง ไร้เรี่ยวแรง บางคนมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังเนื่องมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกัน ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เพราะวันทั้งวันเอาแต่นั่งง่วง ขาดสมาธิ ไม่สามารถโฟกัสกับงานได้ ทั้งยังทำให้ทักษะการจดจำ การให้เหตุผล การคิดแบบมีตรรกะลดลง และอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย
วิธีรับมือ เมื่อต้องเผชิญกับอาการ Social Jet lag
1. ขั้นตอนแรกในการรับมือกับ Social Jet Lag คือการจัดตารางการนอนหลับให้สม่ำเสมอ ซึ่งหมายถึงการเข้านอนและตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกวัน แม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ สิ่งนี้อาจทำได้ยากในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของคุณจะปรับตัวเข้ากับกิจวัตรใหม่ และคุณจะเริ่มรู้สึกได้พักผ่อนและตื่นตัวมากขึ้น
2. อีกวิธีหนึ่งในการรับมือกับ Social Jet Lag คือการสร้างสภาพแวดล้อมการนอนหลับที่ผ่อนคลาย .ซึ่งหมายถึงการรักษาห้องนอนของคุณให้เย็น มืด และเงียบ และหลีกเลี่ยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน นอกจากนี้ คุณอาจต้องการลงทุนในที่นอนและหมอนที่นุ่มสบายเพื่อช่วยให้คุณนอนหลับสบายตลอดคืน
3. การออกกำลังกายเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการรับมือกับ Social Jet Lag การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยควบคุมนาฬิกาชีวิตของคุณ ปรับปรุงอารมณ์ของคุณ และลดความเครียดและความวิตกกังวล ตั้งเป้าออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 30 นาทีในแต่ละวัน เช่น เดิน วิ่งจ็อกกิ้ง หรือปั่นจักรยาน
4. นอกจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเหล่านี้แล้ว ยังมีอาหารเสริมอีกมากมายที่ช่วยให้คุณรับมือกับ Social Jet Lag ได้ เช่น คาโมมายล์ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลทำให้สงบ สารสกัดจาก Tart Cherry ที่ช่วยให้ร่างกายสร้างเมลาโทนินตามธรรมชาติ , แมกนีเซียม ที่ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและส่งเสริมการผ่อนคลายและสามารถปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้เป็นอย่างดี ลดปัญหาการพักผ่อนไม่เพียงพอ
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการรับมือกับ Social Jet Lag เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการจัดตารางการนอนหลับและปรับนาฬิกาชีวิต
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน การจัดตารางการนอนหลับให้สม่ำเสมอ สร้างสภาพแวดล้อมการนอนหลับที่ผ่อนคลาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทานอาหารเสริมควบคู่ ก็จะช่วยให้เราเอาชนะอาการ Social Jet Lag ได้ไวขึ้น และมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
แต่หากคุณเป็นคนที่มีปัญหาในการนอนหลับหรือตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดใส หรือนอนไม่หลับจนพักผ่อนไม่เพียงพอและต้องการเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพการนอน
DreamVita รวบรวมสารสกัดคุณภาพสูงจากธรรมชาติที่ช่วยในการนอนหลับ ทั้ง Tart cherry จากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดใน สหรัฐอเมริกา และ Magnesium ฟอร์มที่ดูดซึมง่ายและสารสกัดอื่นๆ ที่ปราศจากส่วนผสมของเมลาโทนินและไม่ใช่ยานอนหลับ ปลอดภัย สามารถทานได้เป็นประจำโดยไม่มีผลข้างเคียง
หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ ในการนอนหลับ หลับยาก อยากตื่นเช้ามาแล้วสดชื่น สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ Line OA : @pealicious or https://lin.ee/ileGPLS
Comments