ตรุษจีน 2565 สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในวันตรุษจีน เพื่อความเสริมมงคล โชคลาภ ทรัพย์ รับปีเสือ

เปิดโพยวันตรุษจีน ปีใหม่จีนนี้ มีอะไรบ้างที่ควรทำ และ ไม่ควรทำ ⁣

เพื่อความเฮง เสริมความปัง ปัดเป่าความโชคร้ายตลอดทั้งปี

“วันตรุษจีน” ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่สำหรับชาวจีน และชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย โดยในปี 2022 ตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 หลาย ๆ คนก็ถือเอาวันนี้เป็นวันเริ่มต้นทำสิ่งดี ๆ เพื่อให้ตลอดทั้งปีมีแต่เรื่องมงคลเข้ามาในชีวิตตัวเองและคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่จะได้พบกับญาติมิตรที่ไม่เจอหน้ากันมานาน และบางคนก็อาจได้รับอั่งเปาของขวัญจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือด้วย

และเมื่อ “ตรุษจีน 2565” คือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนทั้งที หลาย ๆ บ้านก็คงจะมีธรรมเนียมปฏิบัติและข้อห้ามที่สืบทอดต่อกันมา โดยในวันนี้เราจะพาไปดูกันว่า ในช่วงตรุษจีนมีอะไรที่ควรทำและห้ามทําบ้าง

8 กิจกรรม "ควรปฏิบัติ" ในวันตรุษจีน

ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันตรุษจีน เป็นวันที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนต้องไว้เจ้าที่ หรือที่เรียกว่า “วันซาจั๊บ” โดยช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน (ตีจูเอี๊ยะ) และบรรพบุรุษแล้ว ช่วงเที่ยงจะเป็นการไหว้ผีไม่มีญาติ ซึ่งของไหว้มีทั้งทั้งคาวหวาน รวมถึงเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไป นอกจากนี้ยังต้องจุดขี้ไต้ 2 ชิ้นไว้ด้วย และเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
รวมญาติกินเกี๊ยว หนึ่งในความสำคัญของวันตรุษจีน คือ การที่ญาติพี่น้องทั้งหมดได้มาพบปะกัน นอกเหนือไปกว่านั้นคนจีนยังนิยมทานอาหารที่มีความหมายดีๆเพื่อเสริมมงคลร่วมกันอย่างการทาน “เกี๊ยว” เป็นมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ เนื่องจากเกี๊ยว มีลักษณะเหมือนกับ “เงิน” ของจีน อีกทั้งมีความหมายว่า ให้มั่งมีเงินทอง อีกด้วย
กินเจในมื้อเช้าแรกของวันตรุษจีน โดยชาวจีนนั้นมีความเชื่อที่ว่า การกินเจ หรือการงดเว้นเนื้อสัตว์ ที่หลายๆคนเรียกว่า ทานมังสวิรัติ หรือ วีแกน จะทำให้จะทำให้ได้บุญ ยิ่งกินเจมื้อเช้าของแรกของปีใหม่จะทำให้ได้บุญ เหมือนเป็นการได้กินเจตลอดทั้งปี เสริมโชคลาภ ทรัพย์ และสุขภาพ ด้วย โปรตีนพืชออแกนิคยุโรปแท้ ปราศจาก Hexane และ โลหะหนัก⁠ ที่มีเอกสิทธิ์เฉพาะในการสกัด จึงปลอดภัยมั่นใจ ได้มาตรฐาน ECOCERT
ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" “ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ” นับเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภในช่วงระหว่างเวลาหลังเที่ยงคืนของวันซาจั๊บ หรือวันไหว้ จนถึงก่อนตีหนึ่ง
ติด “ตุ๊ยเลี้ยง” หรือคำอวยพรปีใหม่ คำอวยพรที่เขียนจะประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ทำมาค้าขึ้น ให้มั่งมีเงินทอง ติดตามสองข้างประตูบ้าน และมีอีกแผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก เขียนคำว่า “ชุก ยิบ เผ่ง อัง” แปลว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย รวมทั้งติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า “หนี่อ่วย” ซึ่งเป็นภาพมงคลของจีน ถือเป็นงานศิลปะที่สำคัญอีกอย่างนอกเหนือจากการตัดกระดาษ มักติดที่ประตูหน้าบ้าน
เลือกใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้นำพาแต่สิ่งดี ๆ ใหม่ ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย เสื้อสีสด ก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุดตลอดกาลคงหนีไม่พ้น สีแดง
ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เพื่อเป็นสิริมงคลแนะนำของไหว้เจ้า 9 อย่าง โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ง่าย ๆ 3 ประเภท ได้แก่ ผลไม้, อาหาร, ขนม โดยให้ความหมายเรียงร้อยต่อกัน
เตรียมส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ที่บ้าน การขอพรผู้ใหญ่ตามฉบับธรรมเนียมจีน ต้องมี “ส้ม” โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้ 1 พาน รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล

12 กิจกรรม "ไม่ควรปฏิบัติ" ในวันตรุษจีน

ห้ามทำความสะอาดบ้าน โดยชาวจีนถือว่าเป็นการขับไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้น การทำความสะอาดบ้านจึงควรเริ่มทำตั้งแต่ก่อนที่วันขึ้นปีใหม่จะมาถึง
ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน เป็นเพราะคนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำเกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนจึงเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
ห้ามสระผม ห้ามตัดผม ด้วยความเชื่อที่ว่า จะเป็นการชะล้างความโชคดี เนื่องจากคำว่า “ผม” เป็นคำพ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า “มั่งคั่ง” ฉะนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน จึงเหมือนกับการนำความมั่งคั่งออกไป
ห้ามร้องไห้ในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า จะทำให้เกิดเรื่องที่จะทำให้เสียใจไปตลอดทั้งปี ดังนั้น ในวันตรุษจีนแม้แต่เด็กดื้อที่ปฏิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะต้องทน และไม่ตีสั่งสอนให้เด็กร้องไห้
ห้ามซื้อร้องเท้าใหม่ เนื่องจากคำว่า "รองเท้า" ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai ซึ่งคำว่า Hai นี้ มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ ฉะนั้น การซื้อรองเท้าคู่ใหม่ในวันนี้ จึงกลายเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี
ห้ามกินโจ๊ก หรือ ข้าวต้ม ชาวจีนโบราณเชื่อว่า การรับประทานข้าวต้ม หรือโจ๊กในมื้อแรกของวันตรุษจีน เป็นเรื่องอัปมงคล เนื่องจากในสมัยก่อน ข้าวต้ม และโจ๊ก ถือว่าเป็นอาหารคนคนยากคนจน จึงมีความเชื่อว่า ถ้าท่านทานข้าวต้ม หรือโจ๊ก เป็นอาหารมื้อแรกของปีใหม่ ก็เหมือนเป็นการขัดขวางความร่ำรวยของตนเองนั่นเอง
ห้ามพูดหยาบคาย คำที่ไม่เป็นมงคล และห้ามโต้เถียง หรือทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่น “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก” ... ว่ากันว่า คำพูดของคนเรานั้นมีความหมาย หากเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการพูดจาไม่ดีก็จะเป็นการนำพาความโชคร้ายมาสู่ชีวิตทั้งปีนั่นเอง รวมถึงการพูดเลข 4 ด้วย เพราะ “เลข 4” (四) จะพ้องกับคำว่า “ซี้” (死) ที่แปลว่าตายในภาษาจีน
ห้ามเข้าห้องนอนคนอื่น เชื่อกันว่า การเข้าไปยังห้องนอนคนอื่นโดยไม่จำเป็น จะถือว่าเป็นความโชคร้าย อาจหมายถึงการที่จะต้องไปพักอาศัยกับผู้อื่นตลอดปี ระหกระเหินเดินทาง ไม่ได้พักอาศัยในที่อยู่อาศัยของตัวเอง
ห้ามใส่ชุดขาว – ดำ เพราะสีขาว – ดำเป็นสีแห่งความตาย การไว้ทุกข์ คนจีนจึงไม่นิยมใส่เสื้อผ้าสีขาว – ดำกันในวันนี้ และนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะคนจีนนั้นเชื่อว่า “สีแดง” และ “สีทอง” หมายถึง “ความโชคดี” และ “ความมั่งคั่ง”
ห้ามทำของแตก หัก เสียหาย ชาวจีนเชื่อกันว่า หากทำสิ่งของแตก หัก เสียหาย เป็นลางร้ายที่จะบอกว่าครอบครัวนั้นจะเกิดการแตกแยก และเป็นการนำสิ่งไม่ดีสู่ชีวิต เพราะฉะนั้น ในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะหยิบจับหรือจะทำอะไรก็ระวังกันด้วยนะคะ
ห้ามใช้ของมีคม ไม่ว่าจะเป็นมีด, กรรไกร หรือที่ตัดเล็บ คนจีนเชื่อกันว่า การใช้มีด หรือ กรรไก ตัดสิ่งของในวันนี้ จะเป็นเหมือนการตัดโชคดีออกไปจากตัวเอง
ห้ามให้ยืมเงิน/สิ่งของ หรือ ติดหนี้ในวันตรุษจีน การให้ยืมเงินในวันนี้จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด หรือหากเราไปยืมเงินใครในวันตรุษจีน เชื่อกันว่าตลอดทั้งปีจะต้องหายืมเงินผู้อื่นมาใช้ตลอด ไม่สามารถเก็บเงินก้อนจับจ่ายใช้สอยเองได้อย่างสะดวก ส่วนลูกหนี้ก็ควรคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อกันว่าหากติดเงินใครในวันตรุษจีนนั้น คนๆ นั้นก็จะมีหนี้สินตลอดปี